8 พฤติกรรมของลูกที่เป็นปัญหา

พฤติกรรมลูกก้าวร้าวหรือรุนแรง

พฤติกรรมของลูกที่พ่อแม่หนักใจ

        สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อย อาจจะกำลังมีปัญหาเรื่องการแสดงอารมณ์และพฤติกรรมของลูกน้อยที่ดูแล้วไม่น่ารัก ในช่วงแรกๆเด็กมักจะแสดงเป็นครั้งคราวและบางครั้งเริ่มทำบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะทำให้คุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูก ว่ามันจะติดเป็นนิสียที่แก้ไขไม่ได้หรือไม่ วันนี้เรารวบรวม 8 พฤติกรรมที่พบบ่อยในเด็กและวิธีจัดการกับพฤติกรรมเหล่านั้นว่าคุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไรบ้างค่ะ

 

  1. แสดงพฤติกรรมไม่เคารพหรือพูดย้อน

เมื่อคุณบอกให้ลูกของคุณทำอะไรบางอย่างแล้วลูกแสดงกริยาต่อต้านหรือพูดตะโกนว่า ไม่ ทุกครั้ง เช่น เราบอกให้ลูกใส่เสื้อผ้า ลูกตะโกนว่า ไม่ ไม่ ซึ่งในบ้างครั้งอาจจะทำให้เรามีอารมณ์หงุดหงิดจนเผลอขึ้นเสียงและตะหวาดใส่ลูกได้

สิ่งที่คุณควรทำ

    • หากลูกพูดว่าไม่ๆ แต่ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณ เช่นเราแนะนำให้ใส่รองเท้า ลูกจะรีบพูดออกมาว่าไม่ๆ แต่ลูกก็ใส่ตามคำที่เราบอก
    • ให้เรานิ่งไม่ต้องสนใจต่อว่าพูดย้อนเหล่านั้น เดี่ยวสักพักลูกก็จะเลิกพูดไปเอง
    • ให้ขอบคุณเมื่อลูกทำตามในสิ่งที่คุณขอ ถึงแม้ว่าลูกจะพูดปฏิเสธก็ตาม เช่น

แม่ : ขอช้อนซ้อมให้แม่หน่อยค่ะ

ลูก : ไม่ ไม่ ส่ายหัว แต่ลูกยืนซ้อมให้คุณ

แม่ : ขอบคุณค่ะ และควรอธิบายถึงเหตุผลที่เราต้องขอของสิ่งนั้นให้ลูก ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้ายังอาจจะไม่สนใจหรือเข้าใจมากนัก แต่เมื่อเราอธิบายไปเรื่อยๆเค้าจะค่อยๆซึมซับไปเอง

    • ถ้าหากลูกของคุณพูดหรือปฏิเสธและต่อต้านคุณอย่างรุ่นแรง ไม่ทำตามและไม่ฟังคำแนะนำของคุณเลย สิ่งที่คุณควรทำคือ หยุดนิ่งๆ ปล่อยให้เค้าสงบสติอารมณ์ เมื่อเด็กเริ่มหยุดนิ่ง คุณค่อยพูดกับลูกใหม่อีกครั้ง ด้วยความใจเย็น น้ำเสียงที่นุ่มนวลและมีเหตุผล
    • กำหนดเงื่อนไขกับลูก ว่าถ้าหากทำพฤติกรรมแบบนี้จะมีผลลัพธ์อะไรบ้าง อย่าขู่เข็ญ แค่บอกข้อเท็จจริงธรรมดาๆ เช่น ถ้าหากลูกยังตะโกนและโวยวาย ลูกอาจจะไม่ได้ออกไปเล่นที่สวนเด็กเล่นอีกเลย เพราะไม่มีใครอยากเล่นกับเด็กที่ตะโกนและโวยวาย
    • ให้ทางเลือกกับเด็ก เช่นถ้าหากลูกยังตะโกนและโวยวายอยู่แบบนี้ ลูกอาจะไม่ได้ทานไอศครีม แต่ถ้าหากลูก หยุดตะโกนและฟังคำแนะนำที่แม่พูดลูกจึงจะได้ทาน
  1. พูดหยาบคาย

เด็กกรีดร้องและตะโกนเมื่อโกรธ แต่ถ้าพวกเขาเริ่มพูดคำหยาบคาย
สิ่งที่คุณควรทำคือ

    • คุณและคนในครอบครัวต้องไม่พูดคำหยาบให้ลูกยิน เพราะเด็กจะลอกเลียนพฤติกรรมและคำพูดของผู้ใหญ่
    • หากลูกได้ยินคำหยาบจากทีวี ทางสื่อต่างๆหรือ สถานที่อื่นๆนอกบ้าน คุณควรอธิบายให้ลูกรู้ว่า คำเหล่านี้เป็น คำไม่ดี ไม่ควรพูด

และหากคุณใช้คำนั้นต่อหน้าลูกของคุณ ให้ขอโทษทันที คุณยังสามารถขอให้ลูกเตือนคุณว่ามันเป็นคำไม่ดี หากคุณพูดต่อหน้าเขา

  1. พฤติกรรมก้าวร้าวหรือรุนแรง

เป็นเรื่องปกติที่เด็กอาจจะมีอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจบ้าง แต่ถ้าความโกรธนั้นรุนแรงหรือกลายเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กก็เป็นปัญหา ความผิดปกติทางอารมณ์ ความผิดปกติทางพฤติกรรม การบาดเจ็บ ความหุนหันพลันแล่น หรือความคับข้องใจ อาจทำให้เกิดความก้าวร้าวในเด็กเล็ก ในบางครั้ง ลูกของคุณอาจใช้ความรุนแรงเพื่อป้องกันตัว

ความก้าวร้าวอาจเป็นพฤติกรรมที่เรียนรู้ได้ สิ่งแวดล้อมที่บ้านเป็นอย่างไร? หรือเด็กกำลังเรียนรู้ที่จะใช้ความรุนแรงที่โรงเรียน? หากลูกของคุณมีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการตอบสนองเชิงลบโดยการตี กัด หรือเตะ นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ

    • พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ไม่ควรแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับเด็ก หรือทะเลาะกันให้เด็กเห็น เพราะเด็กจะจดจำพฤติกรรมเหล่านั้น
    • หลายๆคนเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว คุณจะตวาดใส่เด็กๆเพื่อให้เค้ากลัวและหยุดพฤติกรรมนั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการที่คุณทำแบบนั้น เด็กออาจจะหยุดในตอนนั้น แต่มันเป็นการปลูกฝั่งพฤติกรรมก้าวร้าวให้เด็กโดยที่คุณไม่รู้ตัว ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ แทนที่จะขึ้นเสียง ให้ลดน้ำเสียงและบอกให้พวกเขาสงบลง
    • สะท้อนความรู้สึกเห็นอกเห็นใจแต่ทำให้ชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้ตี เตะ หรือกัดคุณสามารถพูดบางอย่างเช่น “แม่รู้ว่าลูกโกรธ แต่ลูกต้องไม่กัด ตี หรือเตะ และห้ามตี!”  
    • บอกพวกเขาว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหากพวกเขากลายเป็นความรุนแรง คุณสามารถบอกพวกเขาว่าพวกเขาทำอะไรแทนได้บ้าง ให้ทางเลือกแก่พวกเขา แต่อย่าปล่อยให้พวกแสดงพฤติกรรมรุนแรง ตัวอย่างเช่น สอนพวกเขาให้ใช้คำและวลีเช่น “ผมโกรธ” หรือ “ผมไม่ชอบมัน” หรือ “ผมไม่มีความสุขกับสิ่งนี้” เมื่อพวกเขาอารมณ์เสีย แทนที่จะหันไปใช้ความรุนแรงทางร่างกาย

ที่สำคัญที่สุดคือเป็นแบบอย่างที่ดีและหลีกเลี่ยงการลงโทษทางร่างกาย นอกจากนี้เราควร ให้รางวัลเมื่อลูกแสดงพฤติกรรมเชิงบวก 

  1. โกหก

เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะโกหก เป็นเรื่องปกติที่ผู้ปกครองจะต้องกังวลเมื่อจับได้ว่าเด็กโกหก คุณอาจรู้สึกถูกหักหลัง เจ็บปวด และถึงกับสงสัยว่าคุณจะเชื่อใจเด็กได้อีกหรือไม่ แต่นี่คือสิ่งที่คุณควรทำเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกโกหก

    • อย่าใช้เหตุผลของตัวเองตัดสิน ให้คิดจากมุมมองของลูกเพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งใดกระตุ้นให้เขาโกหก
    • เด็กอาจโกหกเมื่อกลัวว่าความจริงอาจมีผลเสียเราควรชื่นชมข้อดีมากกว่าการลงโทษพฤติกรรมเชิงลบ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกของคุณต้องโกหก
    • สอนให้พวกเขามีความซื่อสัตย์เริ่มต้นจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
  1. การกลั่นแกล้ง

การกลั่นแกล้งเป็นปัญหาร้ายแรงและอาจส่งผลทางอารมณ์และทางร่างกายของคนที่ถูกแกล้งได้ เด็กมักจะกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รู้สึกมีพลัง เด็ก ๆ มักจะกลั่นแกล้งเพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆ หากคุณพบว่าบุตรหลานของคุณกลั่นแกล้งผู้อื่น คุณควรดำเนินการทันที

  • เริ่มต้นจากการสอนลูกให้รู้ว่าการกลั่นแกล้งคนอื่นเป็นสิ่งที่ผิด และอธิบายหรือยกตัวอย่าง ปัญหาที่เกิดจากการกลั่นแกล้งคนอื่น คุณอาจจะยกจากเหตุการณ์จริงๆที่เกิดขึ้นในสังคมก็ได้ เพื่อให้ลูกได้เห็นภาพจริงๆ เช่นข่าวที่เด็กถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนจนเก็บกดฆ่าตัวตาย
  • สอบถามลูกถึงสาเหตุ ที่แกล้งคนอื่น และช่วยแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูก ตามสาเหตุ
  • กฎเกณฑ์และมาตรฐานในบ้านตั้งแต่เนิ่นๆ “ เราไม่กลั่นแกล้งคนอื่น” หากมีการกลั่นแกล้งลูกจะได้รับโทษอย่างไรบ้าง
  1. เอาแต่ใจ อยากได้ต้องได้

หลายๆคนคงเคยเจอเหตุการณ์ที่ลูกร้องไห้หรือ โกหก เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ หากคุณยอมจำนนต่อพฤติกรรมนี้ของเด็ก ลูกของคุณก็รู้สึกได้ใจ ตัวอย่างเช่น หากลูกของคุณโมโหโกรธาในที่สาธารณะเพื่อซื้อของเล่นและคุณซื้อให้ลูกเพราะเกรงใจหรืออายคนอื่น พฤติกรรมแบบนี้เป็นลักษณะที่ลูกอยู่เหนือการควมคุมของคุณ พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อลูกของคุณบงการคุณ ลูกมีอำนาจเหนือคุณ ในฐานะผู้ใหญ่ คุณสามารถทำลายรูปแบบและหยุดพฤติกรรมบงการของบุตรหลานได้

  • ทำให้ชัดเจนว่าเมื่อคุณพูดว่า ‘ไม่’ หมายความว่าไม่ หากคุณใจอ่อนจะทำให้เด็กคิดว่าการที่ทำพฤติกรรมแบบนี้ได้ผล เด็กจะทำอีกเรื่อยๆ
  • พยายามอธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจ ที่สำคัญคุณต้องอดทนต่อการรบเร้าของลูกให้ได้
  1. ขาดแรงจูงใจและความเกียจคร้าน

ลูกของคุณดูไม่สนใจที่จะทำอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการเรียน ศิลปะ ดนตรี หรือแม้แต่การเล่น เขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วม การจูงใจเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาขี้เกียจและมักจะหาข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไร เมื่อลูกชายหรือลูกสาวของคุณไม่มีแรงจูงใจ นี่คือวิธีที่คุณสามารถช่วยได้

    • อย่าวิตกกังวลกับพฤติกรรมของลูกเมื่อคุณทำเช่นนั้น คุณอาจถูกมองว่าเป็นคนเร่งรีบและนั่นสามารถกระตุ้นให้พวกเขาต่อต้านคุณ
    • คุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของคุณให้พวกเขาฟังและแบ่งปันประสบการณ์ของคุณเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้พวกเขาลองทำสิ่งใหม่ๆ
    • อย่าบังคับลูกให้ทำงานอดิเรกให้ทางเลือกแก่พวกเขาและให้พวกเขาเลือก เด็กมีความสนใจในสิ่งที่พวกเขาเลือกมากขึ้น
    • พยายามให้เวลากับลูก พูดคุยกับลูกให้มากขึ้นสังเกตุว่าเค้าชอบอะไร สนใจอะไร เราชวนเค้าทำกิจกรรมสิ่งนั้น
    • พยายามหาวิธีที่จะทำให้บุตรหลานของคุณมีแรงจูงใจด้วยตนเองแรงจูงใจในตนเองมีพลังมากกว่าการถูกขับเคลื่อนโดยผู้อื่น
    • ส่งเสริมให้เด็กเล็กทำงานบ้านในแต่ละวันโดยทำให้พวกเขาสนุกคุณอาจจัดการแข่งขันว่าใครหยิบของเล่นหรือเศษกระดาษจากพื้นมากที่สุดหรือใครเป็นคนทำความสะอาดห้องเสร็จก่อนกัน
    • สำหรับเด็กโต ทำให้พวกเขารับผิดชอบงานต่างๆ เช่น ล้างจาน จัดโต๊ะ หรือทำความสะอาด
  1. ปัญหาพฤติกรรมในโรงเรียน

“หนูไม่อยากไปโรงเรียน!” นั่นคือสิ่งที่คุณได้ยินเด็กวัย 5 ขวบพูดทุกเช้าใช่หรือไม่ เด็กๆ มักจะทำให้พ่อแม่ลำบากด้วยการปฏิเสธที่จะไปโรงเรียนหรือทำการบ้านให้เสร็จทันเวลา เด็กอาจปฏิเสธที่จะไปโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ: การกลั่นแกล้ง ปัญหาทางวิชาการ การต่อต้านอำนาจและกฎเกณฑ์ หรือความวิตกกังวลที่จะถูกแยกจากพ่อแม่

    • เริ่มจากการพูดคุยกับลูกถึงสาเหตุที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียน ซึ่งบ้างปัญหาคุณอาจจะช่วยลูกแก้ไขปัญหาได้
    • เสนอสิ่งจูงใจ ไม่ใช่สินบน เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกตัวอย่างเช่น คุณสามารถพูดว่า “คุณได้รับไอศรีมคืนนี้เพราะลูกทำการบ้านโดยที่แม่ไม่ต้องบอกได้”
    • ถามเด็กว่าต้องการให้คุณคุยกับครูเกี่ยวกับปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่หรือไม่? ให้พวกเขารู้สึกและเข้าใจว่าคุณพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา เมื่อพวกเขาประสบปัญหาในโรงเรียน 

 

        ปัญหาพฤติกรรมของลูกบางพฤติกรรมไม่ได้แก้ไขง่ายเสมอไป บางครั้งคุณต้องใช้เวลาและความอดทน ความเอาใจใส่กับลูกให้มากขึ้น เพราะบางพฤติกรรมถ้าไม่เริ่มแก้ตั้งแต่ตอนยังเด็ก มันอาจจะติดตัวลูกไปจนโต เมื่อถึงตอนนั้นคุณอาจจะไม่สามารถรับมือและแก้ไขกับมันได้

และเหนือสิ่งอื่นได้ประพฤติปฏิบัติ การกระทำของพ่อแม่คนในครอบครัว คือแบบอย่างที่ลูกสามารถ จดจำเรียนรู้ได้ ทำตามได้มากที่สุด ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้ลูกแสดงพฤติกรรมผิดๆ คุณก็ไม่ควรแสดงพฤติกรรมแบบนั้นให้ลูกเห็น

 

ที่มา : www.momjunction.com

 

 

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ

ร่วมแชร์กับ Getstorypoint

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *