หินปูน เกิดมาจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ทั่วไปในช่องปากของเราไปทำปฏิกิริยากับเศษอาหารที่มีอยู่ตามบริเวณของซอกฟัน ทำให้เกิดการสะสมมากจนกลายเป็นฟิล์มเคลือบอยู่ที่ฟันของเรา ซึ่งในช่วงระยะแรก หินปูน อาจจะมีสีขาวขุ่นและนิ่ม สามารถที่จะขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันธรรมดาทั่วไปอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเป็นประจำทุกวัน แต่ก็เป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถขจัดคราบหินปูนออกจากทุกซอกของฟัน แต่ถ้าหากไม่ขจัดออกหรือแปรงฟันให้สะอาด โดยเฉพาะตรงบริเวณของซอกฟันด้านใน ก็จะทำให้หินปูนที่นิ่มเกิดการสะสมตกตะกอนและจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง ๆ ติดอยู่ตามคอฟัน นอกจากนี้การแปรงฟันที่ไม่ถูกต้อง แปรงไม่ทั่วถึง ก็สามารถทำให้เกิดการสะสมของหินปูนขึ้นได้
ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาหินปูน ได้อย่างทั่วถึงทุกซอกก็คือการ ขูดหินปูนนั้นเอง ซึ่งในระยะที่หินปูนเกิดการแข็งตัวแล้วคนไข้ก็จะไม่สามารถเอาออกเองได้เลย ต้องไปพบทันตแพทย์ให้เป็นผู้ขูดหินปูนออกให้เท่านั้น
หลังจากที่ขูดหินปูนเสร็จใหม่ ๆ หรือเกลารากฟันแล้วคนไข้อาจจะมีอาการเสียวฟันตามมาได้ คนไข้อาจจะมีเลือดออกตามบริเวณขอบเหงือก โดยเฉพาะคนที่มีหินปูนสะสมในปริมาณที่มาก ๆ ซึ่งเลือดจะหลุดไหลเองภายใน 1-2 ชั่วโมง และคนไข้ห้ามบ้วนน้ำบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งจะเป็นการทำให้เลือดไหลไม่หยุดโดยเฉพาะคนไข้ที่มีหินปูนเกาะเยอะมาก ๆ และเหงือกร่น พอทันตแพทย์เอาหินปูนออก ก็จะมองเห็นรากฟันโผล่ออกมา ซึ่งผิวของรากฟัน มีความหนาน้อยกว่าตรงบริเวณอื่น ๆ
ดังนั้นเมื่อสัมผัสโดนน้ำเย็น หรือน้ำร้อน จึงอาจจะทำให้รู้สึกเสียวฟันได้ โดยอาการเสียวฟันหรือระบบตรงบริเวณของขอบเหงือกนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ แต่จะอยู่ไม่นานมากนักจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลา 2-3 อาทิตย์แรกเท่านั้นถ้าหากมีอาการเสียวฟันมาก ๆ ควรจะรีบไปปรึกษากับทันตแพทย์ เพื่อที่ทัตแพทย์จะได้ให้คำแนะนำกับเราว่าควรจะเลือกใช้ยาสีฟันแบบไหนที่จะสามารถช่วยลดอาการเสียวฟันให้เราได้
ดังนั้นเราอย่าปล่อยให้มีหินปูนจับตัวกันสะสมเป็นเวลานาน ๆ จนตกตะกอนควรจะรีบไปพบกับทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพของช่องปากและฟันเพื่อให้ทันตแพทย์ช่วยขูดหินปูนออกให้อย่างน้อยทำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อสุขภาพโดยรวมของช่องปากและฟัน การขูดหินปูน จึงเป็นงานทันตกรรมที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าหินปูนเป็นต้นเหตุของปัญหาภายในช่องปากได้มากมาย รวมทั้ง หินปูน ยังสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ถึงแม้ว่าเราจะแปรงฟันเป็นประจำทุกวันก็ตาม