เรื่องเล่าสยองขวัญ วิญญาณตามติด

เรื่องเล่าสยองขวัญ วิญญาณตามติด

        เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา  เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เขียนเอง ตัวผู้เขียนชื่อชมพู่ อยู่กับหลานสาวชื่อน้องฟ้า

        เมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม ปี 2562 ช่วงนี้เป็นช่วงระยะเวลาที่มีงานทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตตามวัดต่าง ๆ ประชาชนจากพื้นที่อื่น ๆ ไปทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว ในงานนี้ก็มีร้านค้ามาขายของกินของเล่นกันมากมาย 

ชมพู่และน้องฟ้าได้ไปทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตด้วยเหมือนกัน หลังจากที่ทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตเสร็จก็ได้พาน้องฟ้าไปเดินหาซื้อของกิน ระหว่างที่เดินคุยกันมือก็ชี้โน้นนั้นไปทั่ว เมื่อเดินไปสักพักชมพู่ก็เริ่มรู้สึกปวดที่ไหล่ทั้งสองข้างและเริ่มมีอาการปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้ ก็เลยชวนน้องฟ้ากลับบ้าน ในระหว่างทางก่อนกลับบ้าน ชมพู่แวะเอาขนมไปให้พ่อกับแม่ที่บ้านสวนก่อน เพราะเป็นทางผ่านพอดี  แต่เมื่อมาถึงบ้านสวนอาการที่ปวดไหล่และปวดหลังของชมพู่ก็หายไป  ชมพู่กับหลานจึงอยู่กินข้าวเย็นกับพ่อแม่และพี่สาวที่บ้านสวน หลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่งเล่นกับหลานและพี่สาวใต้ต้นพิกุล ส่วนพ่อขึ้นไปสวดมนต์บนบ้าน  (พ่อเราสวดมนต์เป็นปกติทุกวัน)  เวลาตอนนั้นประมาณหกโมงเย็น ระหว่างที่นั่งเล่นกันอยู่นั้น ชมพู่เริ่มได้กลิ่นหอมเหมือนน้ำอบลอยมา จึงทักขึ้นว่า ”ใครใส่น้ำอบหอมดี”  พี่สาวชมพู่จึงดุว่า ‘’เย็นๆค่ำๆได้ยินหรือได้กลิ่นอะไร โบราณเค้าไม่ให้ทัก ‘’    ชมพู่ก็นิ่งไปสักพักหนึ่ง แต่ก็ได้กลิ่นน้ำอบแรงขึ้น จนเริ่มฉุน เหมือนมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จึงหลุดพูดขึ้นว่า ไม่มีใครได้กลิ่นจริงๆหรือกลิ่นน้ำอบแรงมากเลย พี่สาวกับหลานสาวเราก็ส่ายหัว

 

เมื่อได้กลิ่นสักพัก ชมพู่เหมือนมีอาการตาแดง น้ำตาเริ่มไหลไม่หยุด พี่สาวเรารีบมาจับตัวเรียก ‘’ชมพู่เป็นอะไร’’ ตอนนั้นชมพู่ไม่สามารถตอบพี่สาวได้  ได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็ง หลานสาวตกใจมากจึงรีบวิ่งไปตามพ่อกับแม่เราที่สวดมนต์อยู่มาดู  เมื่อพ่อกับแม่มาจับตัว ชมพู่ก็เริ่มมีอาการร้องไห้หนักขึ้น สักพักก็หัวเราะ แล้วอยู่ๆแต่เสียงที่หัวเราะกับร้องไห้กลับไม่ใช่เสียงของชมพู่แต่กลับเป็นเสียงของเด็กผู้ชาย สลับกับเสียงผู้หญิง  

 

พ่อรีบพาเราขึ้นไปห้องพระ แล้วให้ชมพู่กราบพระและกินน้ำมนต์ แล้วพ่อก็ถอดสร้อยพระที่พ่อสวมติดตัวมาสวมหัวให้ชมพู่ แต่มันยิ่งทำให้ชมพู่ร้องไห้และหัวเราะหนักขึ้น บ้างครั้งก็มีเสียงกรีดของผู้หญิงออกมา 

 

พ่อกับแม่เห็นท่าไม่ดี รีบขับรถพาชมพู่ออกไปหาร่างทรงที่ครอบครัวเรานับถือ ในระหว่างทาง ชมพู่เริ่มดีขึ้น สามารถควบคุมร่างกายและอารมณ์ของตัวได้ดีขึ้น  แต่พอชมพู่ได้ยินเสียงสวดมนต์ของน้องฟ้าหลานสาว ที่สวดมนต์ด้วยความกลัว ชมพู่ก็มีอาการหัวเราะและร้องไห้ขึ้นมาอีก และตาก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆจนน้องฟ้าร้องไห้ แม่เลยบอกให้น้องฟ้าหยุดสวดมนต์ พอน้องฟ้าหยุดสวดมนต์ชมพู่ก็เริ่มสงบนิ่งลง

 

เมื่อไปถึงสำนักร่างทรงก็พบว่า ร่างทรงทั้งสองท่านได้ยืนรอเราอยู่แล้ว พ่อกับแม่พาเราไปนั่งในตำหนัก ร่างทรงทั้งสองจึงเริ่มทำพิธีสวดมนต์ช่วยขจัดหรือว่าส่งวิญญาณ และทำพิธีถอดเทียน ร่างทรงได้บอกว่ามีทั้งภูติพราย นางไม้ เจ้าที่ผู้ชาย วิญญาณเด็ก ที่ติดตามชมพู่มาตั้งแต่อยู่ที่วัดที่ไปปิดทองฝังลูกนิมิต (อาจจะเรียกได้ว่าลมเพลมพัดก็ได้) ในระหว่างที่ทำพิธีอยู่ ชมพู่ก็ยังไม่หยุดร้องไห้และหัวเราะเลย กลายเป็นว่าเสียงนั้นยิ่งดังขึ้นกลบเสียงเพลงที่คนละแวกนั้นเปิดเพลงฉลองเทศกาลปีใหม่กันอยู่

 

ร่างทรงก็ยังทำพิธีต่อไปเรื่อยๆจนเสียงหัวเราะของผู้ชายหายไปและชมพู่ก็เริ่มสงบลง ร่างทรงก็ได้ถามชมพู่ว่า ตอนนี้รู้สึกอย่างไร เราจึงบอกไปว่า ชมพู่รู้ตัวทุกอย่างว่าทำอะไรลงไป แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ เหมือนมีบางอย่างควบคุมเอาไว้

และร่างทรงก็บอกให้ชมพู่สวดมนต์ตาม พอชมพู่สวดตามได้เพียงสองคำ ชมพู่ก็เริ่มมีอาการแบบเดิมอีกร้องไห้ หัวเราะ และเริ่มสวดมนต์แต่ไม่ใช่ภาษาที่มนุยษ์เข้าใจ  แต่เป็นภาษาของภูติพราย  ใบหน้าของชมพู่เริ่มบูดเบี้ยวและมีใบหน้าของผู้หญิง เด็ก และผู้ชายมาซ้อนทับ ร่างทรงจึงรีบทำพิธีอีกครั้ง โดยครั้งนี้ใช้เวลานานมาก กว่าเสียงร้องไห้และหัวเราะของผู้ชายและเสียงผู้หญิงจะหายไป แต่ก็ยังคงมีวิญญาณเด็กที่ยังอยู่ วิญญาณเด็กร้องขอกินกล้วย และน้ำพอกินเสร็จ อาการของชมพู่ก็เริ่มดีขึ้น ร่างทรงใช้เวลาทำพิธีนานกว่า 5 ชั่วโมงกว่าชมพู่จะกลับมาเป็นปกติ

 

หลังจากร่างทรงทั้งสองทำพิธีเสร็จก็ได้เอาเทียนที่ทำพิธีถอดเอาวิญญาณออกจากร่างของชมพู่ ให้พ่อแม่และทุกคนดู ก็เห็นเป็นรูปร่างคล้ายปลาพญานาคสีดำ  มีใบหน้าของคน มีทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิง และที่ไม่คาดคิดคือ มีรูปปั้นคนหันหน้าเข้าหากันและตัวติดกัน ลักษณะเหมือนชมพู่โดนของ

     ร่างทรงจึงบอกว่าช่วงที่ชมพู่ของเข้าเป็นช่วงที่จิตของชมพู่อ่อน ทำให้สิ่งร้ายๆที่ค่อยตามชมพู่อยู่ มันมาเข้าร่างชมพู่ได้ วันนี้ที่ทำพิธีก็แค่ช่วยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากวันไหนจิตของชมพู่อ่อน  ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบวันนี้ได้อีก  ร่างทรงจึงแนะนำให้สวมสร้อยพระติดตัวไว้ตลอดเวลาและให้ชมพู่สวดมนต์นั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน  ทุกวันพระใหญ่ให้ชมพู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและสิ่งชั่วร้ายที่ค่อยตามชมพู่อยู่ มันจะช่วยให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้

       

เรื่องเล่าอาถรรพ์-ประสบการณ์เรื่องผี

ร่วมแชร์กับ Getstorypoint

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *