น้ำว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

น้ำว่านหางจระเข้

              เมนูทำกินเองวันนี้เราขอนำเสนอเครื่องดื่มที่มากด้วยประโยชน์ และยังให้ความสดชื่นแก้กระหายได้ดีอีกด้วยนะคะ และเครื่องดื่มที่ว่าก็คือ น้ำว่านหางจระเข้นั้นเองค่ะ

ก่อนที่เราจะทำน้ำว่านหางจระเข้ เรามาดูสรรพคุณและโยชน์กันหน่อยนะคะ

20 ประโยชน์และสรรพคุณของว่านหางจระเข้

  1. มีสรรพคุณทางยาในการป้องกันและบรรเทาโรคเบาหวานได้
  2. ใบว่านหางจระเข้กับปูนแดง ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ วิธีคือนำปูนแดงด้านหนึ่งของวานหางจระเข้ และเอาด้านที่ทาปูนแดงแปะตรงขมับ
  3. ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับโรคในระบบทางเดินอาหารต่างๆ เช่น รักษาป้องกันแผลในกระเพาะอาหารขณะที่เราท้องว่าง , แก้กระเพาะลำไส้อักเสบเป็นต้น สำหรับวิธีการคือ  กินเนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง  (ปลอกใบออกให้หมดเอาเฉพาะเนื้อวุ้นเท่านั้น )
  4. ยางสีเหลืองที่เปลืองของว่านหางจระเข้ ช่วยในยาระบายได้
  5. รักษาริดสีดวง ทวารได้ โดยนำเนื้อวุ้นทำให้มีรูปร่างปลายแหลมพอประมาณ และนำไปแช่ตู้เย็นให้เนื้อวุ้นแข็งตัว แล้วนำมาเหน็บที่ที่เป็นริดสีดวง ทำทุกวันจนกว่าจะหาย
  6. ใช้รากหรือเหง้า รักษาหนองใน
  7. รากหรือเหง้าชวยแก้ไขปัญหาระดูขาวของผู้หญิงได้
  8. ช่วยขับน้ำคาวปลา โดยนำต้นของว่านหางระเข้มาดองกับสุรา ผู้หญิงหลังคลอดลูก สามารถรับประทาน ช่วยขับน้ำคาวปลาได้
  9. เนื้อวุ้นกินวันละ 3 ครั้ง ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ จะช่วยบรรเทาและแก้อาการปวดตามข้อได้
  10. รักษาฝี ด้วยการนำเอาใบมาตำกับสุราแล้วพอกฝี
  11. รักษาแผลได้ โดยนำเนื้อวุ้นจากใบนำมาแปะที่เป็นแผล และเมือกให้ชุ่มจะช่วยสมานแผล
  12. ลดการพุพองจาก แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โดยการใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้มาแปะตรงที่เป็นแผล จะทำให้บรรเทาอาการและช่วยให้แผลหายเร็ว ขึ้น และยังช่วยให้แผลเป็นจางลง ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
  13. ช่วยรักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต ด้วยการใช้วุ้นจากใบที่ล้างสะอาดแล้ว นำมาปิดไว้บริเวณที่เป็นและหมั่นเปลี่ยนบ่อย ๆ จนกว่าจะดีขึ้น
  14. ช่วยรักษาโรคเรื้อนกวาง หรือโรคสะเก็ดเงิน ช่วยลดการตกสะเก็ดและลดอาการคันของโรคเรื้อนกวาง ทำให้แผลดูดีขึ้น
  15. น้ําว่านหางจระเข้ สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยชะลอความแก่ชรา และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย
  16. ลดการเมารถเมาเรือ ด้วยการรับประทานเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้หรือน้ําว่านหางจระเข้เย็น ๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการได้
  17. ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง โดยการใช้วุ้นว่านหางจระเข้ทาที่ผิวหนัง ก็จะช่วยได้
  18. ช่วยทำให้เส้นผมสลวย ผมดกเป็นเงางาม ช่วยป้องกันและขจัดรังแค ช่วยบำรุงต่อมที่รากผมให้มีสุขภาพดี และยังช่วยรักษาแผลบนหนังศีรษะ ด้วยวิธีการเอาวุ้นหางจระเข้สดใสทาที่เส้นผมทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก
  19. แก้ไขปัญหาเส้นเลือดดำขอดบริเวณขา ใช้วุ้นว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอด ทาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยบรรเทาอาการได้
  20. สำหรับคุณแม่ที่ท้องลาย สามารถนำวุ้นหางจระเข้มาทีที่หน้าท้องเป็นประจำก็จะช่วยลดและทำให้รอยจางหายไปได้

 

 

วิธีการทำน้ำว่านหางจระเข้

เตรียมวัสดุและอุปกรณ์

  • ว่านหางจระเข้ (เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ 1 กิโล)
  • น้ำตาลทราย (1.5 กิโล)
  • ใบเตยหอม (20 ใบ)
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำ 4 ลิตร
ว่านหางจระเข้-ใบเตย
ว่านหางจระเข้-ใบเตย

อุปกรณ์

  • กะละมัง
  • เขียง/มีด
  • หม้อต้ม
  • เครื่องปั่น (บ้านไหนไม่มีก็ใช่ครกได้)
  • ที่กรอง

ขั้นตอนการทำน้ำว่านหางจระเข้

1.ปลอกใบว่านหางจระเข้ เอาแต่เนื้อวุ้น (แนะนำให้ปลอกเอาสีเขียวๆออกให้หมด จะได้ไม่ขมและไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว)

ปลอกเปลือกว่านหางจระเข้
ปลอกเปลือกว่านหางจระเข้

2.ล้างเอาเมือกของว่านหางจระเข้ออก

3.หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใครจะหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต่าเล็กใหญ่แล้วแต่ชอบทาน (ส่วนเราชอบเล็กๆทานง่าย และใช้หลอดดูดได้ด้วย)

4.นำว่านหางจระเข้ที่หั่นเรียบร้อยแล้ว ล้างน้ำเอาเมือกออกอีก 1-2 ครั้ง พึงไว้สักครู่

5.ตั้งน้ำ ใส่เกลือ 1 ช้อนชา + ใส่ใบเตย + ใส่เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ ต้มให้เดือดประมาณ 20 นาที นำมาเทน้ำออกกรองเอาแต่เนื้อวุ้น ตั้งพักไว้ให้เย็น

ขั้นตอนทำน้ำว่านหางจระเข้
ขั้นตอนทำน้ำว่านหางจระเข้

6.ปั่นใบเตยคั้นเอาแต่น้ำ หรือใช้ครกตำคั้นเอาแต่น้ำ

7.ต้มน้ำ (ใช้น้ำใหม่) ใส่ใบเตย พอเดือดใส่น้ำตาล แล้วข้นให้น้ำตาลละลาย ใส่น้ำใบเตยและใส่วุ้นว่านหางจระเข้ลงไป รอให้น้ำเดือดอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จ และสามารถรับประทานได้ค่ะ  

น้ำว่านหางจระเข้
น้ำว่านหางจระเข้

      เท่านี้เราก็ได้น้ำว่านหางจระเข้ไว้ทานกันแล้วนะคะ ทำได้ง่ายๆ สามารถทำทานเองได้ที่บ้าน ประหยัดและยังเป็นเครื่องดืมที่มากด้วยคุณค่าทางอาหารและยังช่วยบรรเทาโรคต่างๆได้อีกด้วยค่ะ

วิธีทำเครื่องดืมอื่นๆ

ร่วมแชร์กับ Getstorypoint

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *