เรื่องเล่าสยองขวัญ ผีหวงบ้าน

เรื่องเล่าสยองขวัญ ผีหวงบ้าน
          เรื่องที่เราจะเล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวของเราเอง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตัวเราชื่อพิมพ์ สามีชื่อทศ เราและสามีทำงานที่กรุงเทพ เราทำงานเป็นพนักงานทั่วไป ส่วนสามีเป็นช่างซ่อมรถ
          เรื่องมันเริ่มจากที่เราสอบติดข้าราชการและที่สำคัญเราได้ไปลงที่บ้านเกิดของเราด้วย เรารู้สึกดีใจมาก ที่จะได้กลับไปอยู่กับพ่อและแม่ เราจึงขอให้แฟนย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันไปเปิดอู่ซ่อมรถแถวบ้าน
 
          หลังจากที่เราย้ายกลับมาที่บ้าน พ่อกับแม่เราก็ให้แฟนเปิดอู่ที่บ้าน แต่ลูกค้าไม่ค่อยมีเพราะทำเลไม่ดี อ้อ!ลืมบอกไปบ้านเราอยู่ในสวนทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้ว่ามีอู่อยู่ตรงนี้แฟนจึงอยากจะไปเช่าที่ติดถนนใหญ่เพราะว่าคนผ่านไปผ่านมาเยอะเขาจะได้เห็นร้านง่ายๆ และทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น
 
          พอดีกับที่เพื่อนของพ่อเขาป่วยติดเตียงอยู่และเมียเขาก็เสียไปแล้วเหลือแต่ลูกสาวที่คอยดูแล โดยพาไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ บ้านเลยไม่มีใครอยู่เขาเลยปล่อยให้เช่าแทน
 
          เพื่อนของพ่อเราที่พูดถึงแกชื่อนพส่วนเมียแกชื่อนา เราก็จะเรียกแกว่าลุงนพกับป้านาเพราะว่าเรารู้จักกับทั้งสองคนเป็นอย่างดี เพราะตอนเด็กๆพ่อพาเราไปเล่นที่บ้านแกบ่อยๆ ลุงนพเป็นคนใจเย็นและใจดีมาก ส่วนป้านาแกจะเป็นคนรักความสะอาด เจ้าระเบียบและขี้บ่น แต่แกก็ใจดีกับเรา ประมาณปากร้ายใจดี
 
          บ้านของแกที่ลูกสาวปล่อยให้เช่านี้เป็นบ้านสองชั้น เมื่อพาแฟนไปดูบ้านแฟนเราชอบมากเพราะข้างบ้านมีหลังคายื่นออกมาเหมาะสำหรับทำเป็นที่ซ่อมรถและทำเลก็ติดถนนมีรถผ่านไปผ่านมาทั้งวัน เราจึงตัดสินใจเช่าบ้านลุงนพและย้ายออกมาอยู่กับแฟนที่บ้านหลังนี้ (อยู่ห่างจากบ้านพ่อแม่เราประมาณ 15 กิโล)
 
          วันแรกที่เราเข้ามาอยู่ พ่อกับแม่เราบอกว่าให้เราไหว้เจ้าที่เจ้าทางและไหว้พระก่อนนอนด้วย แต่ด้วยความที่เราเหนื่อยกับการทำความสะอาดบ้านและเก็บของบวกกับเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย เราเลยเข้านอนไปโดยที่ไม่ได้ไหว้เจ้าที่และไม่ได้ไหว้พระก่อนนอน
 
          เราหลับสนิทมากเพราะความเหนื่อย แต่เราก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีใครมาเดินวนอยู่รอบๆ เตียง แต่เมื่อเราลืมตาดู ก็ไม่เห็นมีอะไร เราจึงหลับต่อถึงเช้า (เราก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้แฟนฟังเพราะคิดว่าเราคงคิดมากไปเอง)
 
          ในช่วงตอนกลางวันเราจะออกไปทำงาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เราเช่าเท่าไหร่ ส่วนแฟนของเราก็ทำงานเปิดอู่ซ่อมรถอยู่กับบ้านซึ่งก็มีคนเข้ามาซ่อมรถตลอดทั้งวัน
 
          หลังจากที่เราอยู่บ้านเช่านี้มาได้สักพัก ทุกคืนเราเริ่มรู้สึกเหมือนกับมีคนมามองและเดินอยู่รอบๆเตียงบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนเรารู้สึกกลัวแต่ก็ยังไม่กล้าบอกแฟนเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราคิดมาก (แฟนเราเป็นคนสมัยใหม่ ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย) และตอนที่เราทำกับข้าว เรามักจะได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า “อืม…กลิ่นใช้ได้” ซึ่งเรารู้สึกว่ามันคล้ายกับคำพูดที่ป้านาชอบพูดบ่อยๆ เราเริ่มรู้สึกกลัวจนไม่กล้าที่จะอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่แฟนไปทำธุระเราก็จะไปอยู่บ้านพ่อกับแม่รอจนกว่าแฟนจะกลับถึงจะเข้าบ้าน พอนานวันเข้าสิ่งที่เรารู้สึกหรือได้ยินเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนแฟนเริ่มผิดสังเกตุและถามเราว่าเป็นอะไร เราจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เจอให้แฟนฟัง เมื่อฟังจบแฟนก็นิ่งไปสักพักเหมือนคิดอะไรอยู่แล้วก็บอกให้เรารีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้มีธุระที่ต้องไปช่วยกันทำแต่เช้าเดี๋ยวจะไม่ทัน
 
          พอถึงตอนเช้าแฟนก็ขับรถพาเราออกไปโดยไม่ได้บอกว่าจะไปทำอะไรที่ไหนจนกระทั่งไปถึงวัดแห่งหนึ่ง เราเลยถามว่ามาทำธุระอะไรที่วัดเหรอหรือว่ารถที่วัดเสียเลยให้มาซ่อม แฟนก็หันมามองหน้าเราด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนักแล้วก็บอกเราว่าเขาเองก็รู้สึกและได้ยินเหมือนกันกับที่เราเล่าให้เขาฟัง เขาบอกว่าเริ่มได้ยินเสียงผู้หญิงแก่บ่นพึมพำประมาณว่า…ทำบ้านกูรกสกปรก คราบน้ำมันเต็มไปหมด ทำไมไม่ทำความสะอาดให้กูเลย…คือเสียงเหมือนคนบ่นไปเรื่อยๆ ซึ่งแรกๆแฟนเราก็คิดว่าหูแว่วไปเอง แต่หลังๆเริ่มได้ยินบ่อยขึ้นและชัดขึ้น บวกกับตอนกลางคืนแฟนเราก็รู้สึกเหมือนกันว่าเหมือนมีคนมาเดินวนอยู่รอบเตียงและจ้องมองอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับที่เรารู้สึก และเมื่อวานช่วงเย็นหลังจากที่แฟนปิดร้านแล้ว แต่มีคนที่เขารถเสียอยู่ใกล้ๆ ร้านเลยมาขอให้ช่วยซ่อมให้ แฟนเราก็ซ่อมให้เพราะมันเริ่มจะดึกแล้วสงสารลูกค้าและไม่มีร้านไหนเปิดแล้วช่วงเวลานี้
 
ในระหว่างที่แฟนกำลังซ่อมรถให้ลูกค้าอยู่นั้นอยู่ๆ ลูกค้าก็พูดขึ้นมาว่า “คุณแม่เป็นอะไรหรือป่าวครับ ผมรบกวนเวลาพักผ่อนแกหรือป่าว” พอได้ยินแบบนั้นแฟนเราตกใจและถามกลับไปว่า “อะไรนะครับ คุณแม่ทำไมเหรอ” ลูกค้าจึงบอกว่า “ผมเห็นคุณแม่แกมองลงมาจากหน้าต่างชั้นบนน่ะครับ แต่ดูสีหน้าแกเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่” พอได้ยินแบบนั้นแฟนเราก็หันขึ้นไปมองก็ไม่เห็นมีใครอยู่ตรงนั้นก็เลยบอกลูกค้าไปว่า “แกไม่ค่อยสบายน่ะครับ” เพื่อให้ลูกค้าไม่คิดมากแต่ในหัวนี่กลับเต็มไปด้วยคำถามและสะพรึง หลังจากลูกค้ากลับไปแฟนจึงเดินมาหาเราและเป็นจังหวะที่เราตัดสินใจเล่าเรื่องที่เราเจอมาหลายวันให้เขาฟัง และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาพาเรามาวัดในวันนี้ เมื่อเราได้ฟังที่แฟนเล่ามาทำให้เรารู้สึกเย็นวาบที่สันหลังและขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
 
          หลังจากที่คุยกันเสร็จพวกเราก็เข้าไปทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับทุกอย่างที่พอจะนึกออกไม่ว่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร ผีไร้ญาติ หรืออะไรต่างๆเพื่อขอให้สิ่งที่พวกเราพบเจออยู่นั้นอย่ามาหาพวกเราอีกเลย เมื่อเราทำบุญเสร็จก็ได้เข้าไปขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อและเช่าพระองค์เล็กๆ จากที่วัดมาด้วย 2 องค์เอาไว้ห้อยคอ พอกลับถึงบ้านเราและแฟนก็ช่วยกันเอาน้ำมนต์ไปรดทั่วๆ บ้านและเอาพระมาบูชาไว้ที่หัวนอน
 
          คืนนั้นเราก็ยังคงรู้สึกกลัวจนไม่รู้ว่าจะนอนหลับไหม แต่อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าบวกกับอุ่นใจขึ้นที่มีพระอยู่ที่หัวนอนเลยทำให้รู้สึกง่วงและหลับไป พอตกดึกเราเริ่มรู้สึกเย็นที่ขาและเหมือนมีอะไรบางอย่างมาโดนขาของเรา ด้วยความที่เรายังง่วงนอนเราจึงค่อยๆลืมตาและมองไปที่ขาของเราท่ามกลางความมืดสลัวๆ ทันใดนั้นเราเห็นผู้หญิงแก่ผมขาวหน้าซีด ยืนจองมองเราอยู่ปลายเตียง นาทีนั้นเรารู้สึกตกใจและกลัวมาก เราจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือป้านา เราตัวเกร็งขยับตัวไม่ได้ รู้สึกเหมือนน้ำตาเริ่มไหล พูดไม่ออก และเหมือนจะหัวใจเต้นแรงมากจนแทบจะหยุดหายใจ พยายามจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ร้องไม่ออก อยู่ๆเราก็รู้สึกว่ามีใครมาเขย่าตัวแขนและเรียกชื่อเรา พิมพ์ พิมพ์ พิมพ์” เราจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมา
 
เราไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริงหรือความฝันเพราะมันเหมือนจริงมากๆ พอเราได้สติเราก็เห็นสามีนั่งมองหน้าเรา ด้วยสีหน้าตื่นตะหนก และบอกให้เราเก็บของที่จำเป็นแล้วลงไปขึ้นรถ เราก็ทำตามแบบงงๆ สมองเบลอเหมือนยังช็อคกับความฝันเมื่อกี้อยู่ เมื่อขึ้นรถเราเริ่มได้สติมากขึ้นมองนาฬิกาที่รถประมาณตี 2 เราจึงถามแฟนว่าจะไปไหน แฟนจึงบอกว่าจะไปนอนบ้านพ่อแม่เรา เมื่อมาถึงบ้านพ่อกับแม่เราก็งงว่าทำไมมากันดึกขนาดนี้ แต่เรากับแฟนก็ไม่ได้บอกอะไรมาก เพียงแต่แยกย้ายกันเข้านอน คืนนั้นเรากับแฟนไม่ได้คุยอะไรกันเลย เพราะเรายังรู้สึกช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเราและแฟนไม่มีใครนอนหลับเลยในคืนนั้น
 
          เมื่อถึงตอนเช้าเรา แฟนและพ่อแม่ของเราได้มานั่งคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมากันกลางดึก แฟนเราจึงเริ่มเล่าด้วยเสียงสั่นๆว่า ช่วงที่เค้ากำลังนอนหลับเค้าเริ่มรู้สึกมีอะไรมาทับที่หน้าอกของเค้า เค้าเริ่มหายใจไม่ออก เค้าจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาดู เค้าตกใจหนักมากเมื่อเห็นเท้าของผู้หญิงแก่ กำลังเหยียบที่หน้าอกของเค้าอยู่ และผู้หญิงแก่ก็พูดว่า “มึงจะไล่กูหรอ มึงจะไล่กูเหรอ” เค้าตกใจมาก พยายามดิ้นสุดชีวิต เพื่อให้หลุดพ้น แต่มันหนักมากเค้าพยายามเท่าไหร่ก็ยกเท้าของผู้หญิงคนนั้นไม่ออก เค้าพูดไม่ได้เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ ได้แต่คิดในใจว่าผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ น้ำตาเริ่มไหล ปัดมือไปมาจนไปโดนพระที่หัวนอนจึงหยิบพระมากำไว้ คิดในใจหลวงพ่อช่วยด้วย ช่วยด้วย แล้วสักพักผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆหายไป เค้าจึงเริ่มหายใจโล่งขึ้นและสะดุ้งตื่น แต่ในมือเค้ายังกำพระอยู่ แล้วก็รีบมองหาเราและเห็นเรากำลังนอนน้ำตาไหล ตัวสั่นเกร็ง จึงพยายามเขย่าตัวและเรียกจนเรารู้สึกตัว
 
          พ่อของเราที่นั่งฟังอยู่ พูดขึ้นว่าน่าจะเป็นป้านา เพราะตอนที่ป้านาแกเสียนั้น แกเสียที่บ้านบนเตียงในห้องที่เรากับแฟนนอนกันนั่นแหละ ตอนที่แกเสียไม่มีใครรู้เลยจนผ่านไปเกือบสองวันลูกสาวแกถึงมาเจอเพราะโทรหาแกไม่ติด ตอนนั้นลุงนพแกไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ป้านาแกกลับมานอนพักที่บ้าน เพราะห่วงบ้านมาก หมอบอกว่าที่แกเสียชีวิตมาจากหัวใจล้มเหลว ป้านาแกพักผ่อนน้อย ต้องไปดูแลลุงนพที่โรงพยาบาล และต้องกลับมาดูแลบ้านด้วย
เราได้ฟังจากที่พ่อเล่า เรารู้สึกขนลุกหนักกว่าเดิมมาก ส่วนแฟนเราก็เริ่มมีอาการไข้ขึ้นสูง หลังจากวันนั้นเราและแฟนไม่ได้กลับไปนอนที่นั่นอีกเลย จะกลับไปก็แค่ไปเก็บข้าวของออกจากบ้านหลังนั้นเท่านั้น ตอนไปก็พาญาติๆไปช่วยกันหลายคน บอกตรงๆตอนนั้นเรากลัวมากๆ
 
          ส่วนสาเหตุที่ป้านาแก มาหลอกเรากับแฟน พ่อเราบอกว่าป้าแกน่าจะไม่ชอบที่ไปทำให้บ้านแกสกปรก (ซ่อมรถจะมีพวกคราบน้ำมันติดและกระจายติดตามพื้น) และคงโกรธที่เรากับแฟนเอาน้ำมนต์ไปรดทั่วบ้าน เหมือนไปไล่แก
 
          หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เราและแฟนเริ่มทำบุญมากขึ้น และเชื่อในสิ่งเร้นลับว่ามันมีอยู่จริง สุดท้ายนี้เราก็ขอให้ป้านาไปสู่ภพภูมิที่ดี เราจะหมั่นทำบุญไปให้ป้านานะ

เรื่องเล่าอาถรรพ์-ประสบการณ์เรื่องผี

ร่วมแชร์กับ Getstorypoint

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *