เรื่องเล่าสยองขวัญ ผีนา

เรื่องเล่าสยองขวัญ ผีนา

         เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2514 มาแล้ว เป็นเรื่องเล่าของคุณย่าเกี่ยวกับญาติผู้น้องชื่องอ  ตอนที่งออายุประมาณ 15-16 ปี งอเป็นคนที่ชอบหากบ หาเขียดตามทุ่งนากับญาติๆในเวลากลางคืน มีคืนหนึ่งซึ่งเป็นคืนเดือนแรม งอก็ออกไปหากบ กับญาติตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ งอเห็นกบอยู่ใต้ใบบัว งอจึงไปตามจับกบตัวนั้น แต่เมื่อจับมาได้พบว่ากบตัวนั้นมีขนาดใหญ่มาก เท่าจานข้าวซึ่งใหญ่กว่ากบทั่วไปมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพียงแค่คิดว่าตัวเองโชคดีจริงๆที่ได้กบตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องไปไล่จับกบเพิ่มแล้ว

 

จากนั้นก็จับกบมาหักขาเพื่อไม่ให้กบกระโดดหนีได้ แต่พยายามหักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหักขากบได้ จึงใช้เสียมที่ติดตัวไปสับขากบให้หัก โดยที่กบยังไม่ตายแล้วจึงหิ้วกลับบ้าน (เนื่องจากกบตัวใหญ่มากจึงไม่สามารถใส่ตะข้องได้ เมื่อถึงบ้านก็ขังใส่ปี๊บไว้ที่หน้าบ้านแล้วเข้านอน รุ่งเช้าเมื่อตาฉ่ำพ่อของงอกลับจากขายข้าว ก็มาหาอะไรกิน แต่ยังไม่มีใครทำกับข้าว งอจึงบอกพ่อว่าเมื่อคืนจับกบมาได้ 1 ตัวให้พ่อเอามาทำกับข้าวกิน เมื่อพ่อไปเปิดดูกบที่ขังอยู่ในปี๊บ เห็นว่าตัวใหญ่มากจึงพูดว่า ใครจะไปกินลงกบตัวใหญ่ขนาดนี้ แล้วจึงโยนกบทิ้งใต้ถุนบ้านที่มีน้ำขังอยู่ จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นว่ากบตัวนั้นตายหรือไม่ หรือหายไปไหน

 

         อยู่มาไม่นานงอเริ่มมีอาการแปลกๆ หลอนๆ เพ้อ โวยวาย พูดไม่รู้เรื่อง ตาฉ่ำกับยายแต๋วผู้เป็นแม่ จึงหาหมอธรรม มารักษา บางหมอก็ว่าโดนของ บางหมอก็ว่าผีเข้า แต่รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย จนมีหมอธรรมท่านหนึ่งบอกว่า แต๋วไปลบหลู่ผีนา (ผีแม่ม่าย) ผีแม่ม่ายอยากได้ดอกบัว (ปลัดขิก) ไปขอขมาจึงจะหาย เมื่อได้ยินดังนั้นตาฉ่ำและยายแต๋วจึงพางอไปขอขมาตามที่หมอธรรมบอกปรากฏว่าอาการของงอนั้นหายกลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อนและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

 

         หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี งอก็ได้พบรักและแต่งงานกับชายหนุ่มคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนกระทั่งมีลูกสาว 2 คน เมื่อลูกสาวคนโต อายุ 3 ขวบกว่า คนเล็กอายุ 2 ขวบกว่าๆ งอก็ท้องและคลอดลูกชายอีกคน

 

         หลังจากคลอดลูกชาย งอก็อยู่ไฟปกติ โดยสามีได้ก่อกองไฟ และนำถังปี๊บใส่น้ำแขวนไว้ให้งอ เพื่อให้งอได้อาบน้ำอุ่นในช่วงอยู่ไฟ ยายแต๋วแม่ของงอได้สั่งสามีของงอไว้ว่า ช่วงอยู่ไฟอย่าทิ้งให้งออยู่คนเดียวเด็ดขาด  แต่เมื่อคลอดลูกได้ 3 วัน สามีของงอก็ได้ออกไปตีไก่ ทิ้งให้งออยู่กับลูกๆทั้งสามคน โดยไม่ฟังคำเตือนของแม่ยาย

เมื่ออยู่กันสามคนลูกสาวสองคน ก็ร้องอ้อนแม่ หิวๆ เมื่องอเห็นว่าลูกหิวจึงลุกจากที่อยู่ไฟ เพื่อไปทำกับข้าวให้ลูกกิน งอหันไปเห็นลูกชายที่เพิ่งเกิดได้ 3 วัน ที่นอนอยู่ในกระด้ง แล้วจับคอลูกมาวางคว่ำบนเขียงแล้วเอามีดอีโต้สับไปที่หลังลูก แล้วคว้านท้องเอาไส้ออก เลือดไหลลงพื้น ไส้ของลูกกระจัดกระจาย แล้วนำลูกไปต้มในปี๊บที่สามี ต้มน้ำไว้ให้อาบ ลูกสาวสองคนที่เห็นแม่ทำแบบนั้นก็พากันร้องไห้เสียงดังด้วยความกลัวและตกใจและวิ่งหนีออกไปหาคนช่วย จนญาติๆที่อยู่บ้านในระแวกใกล้เคียงได้ยินเสียงร้องไม่หยุดของหลาน จึงวิ่งมาดู และถามหลานว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกสาวสองคนบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปากคอสั่น แม่ต้มน้อง แม่ต้มน้อง เมื่อญาติได้ยินจึงรีบวิ่งเข้าไปในครัว ก็เห็นสภาพเด็กหัวทิ่มอยู่ในถังปี๊บมีขาโผล่ออกมา และได้กลิ่นเหม็นคาวเลือดคละคลุ้งไปหมด จึงรีบช่วยกันเอาศพเด็กออกจากถังปี๊บ แล้วหันมาถามงอว่า ‘‘มึงฆ่าลูกทำไมอีงอ มึงทำทำไม ฆ่าลูกทำไม’’ งอซึ่งอยู่ในอาการเหม่อลอย มึนงง พูดขึ้นว่า ‘‘ใครจะฆ่าลูกได้ลงคอนั้นมันกบ อีเจี๊ยบ อีจ่อย (ชื่อลูกสาวทั้งสองคน) มันหิวข้าว ฉันเลยจะต้มกบให้มันกิน’’ เมื่อญาติๆได้ยินดังนั้นก็ถึงกับผงะ คิดว่าอีงอน่าจะโดนผีสิงอีกแล้ว จึงช่วยกันนำศพเด็กไปฝัง แล้วเรียกหมอธรรมมารดน้ำมนต์ (ในสมัยนั้นการคมนาคมยังไม่เหมือนสมัยนี้ จึงไม่มีใครแจ้งตำรวจเพราะเชื่อว่าผีทำ และประกอบกับเด็กยังไม่ได้แจ้งเกิดจึงไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก ) ฝ่ายงอเมื่อได้สติรู้ว่าตนเองฆ่าลูกก็เสียใจร้องไห้ร้องห่มแทบสิ้นสติ 

 

         จนผ่านมาปีกว่าๆงอก็ได้ตั้งท้องมีลูกอีกคน  ลูกคนนี้ของงอคุณย่าไม่ได้เล่าว่าเป็นหญิงหรือชาย แต่ก็ไม่ได้เกิดเหตุอาเพศใดๆ กับเด็กที่เกิดใหม่

         จนอยู่มาช่วงเทศกาลทอดกฐิน ที่ผู้คนต่างพากันไปที่วัดเพื่อช่วยงานทอดกฐิน เหลือเพียงครอบครัวของงอที่อยู่บ้าน เพราะมีลูกอ่อน ตกดึกงอรู้สึกอยากกินกบจึงบอกสามีให้ช่วยออกไปหากบให้หน่อย ฝ่ายสามีจึงบอกว่าในถังมีกบอยู่ 2 ตัวแล้ว แต่งอก็ร่ำร้องบอกว่าไม่พอให้ออกไปหาให้อีก ฝ่ายสามีทนรำคาญไม่ไหวจึงออกไปหาให้ที่นาใกล้ๆบ้าน เมื่อสามีออกไปสักพัก งอจึงบอกกับลูกๆว่าแม่ปวดท้องจะออกไปขี้ก่อนนะ สมัยนั้นยังไม่มีห้องน้ำ ต้องเอาจอบไปขุดดินเพื่อถ่ายอุจจาระในหลุ่มแล้วกลบ

 

         เมื่อสามีกลับจากการหากบก็ไม่เห็นงอ จึงถามลูกๆว่างอไปไหน ลูกๆจึงบอกว่าแม่ไปขี้ ไปนานแล้วตั้งแต่พ่ออกไปหากบ ฝ่ายสามีก็นั่งรองอ แต่งอก็ยังไม่กลับมา จึงออกตามหา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนเมื่อสังเกตุไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่เพิ่งหักโค่นลงมาก็เห็นเหมือนมีคนยืนอยู่ตรงนั้นจึงถือตะเกียงที่จุดเอาไว้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าเป็นใครใช่งอหรือเปล่า เมื่อเดินเข้าไปได้ระยะหนึ่งพร้อมกับแสงไฟจากตะเกียงก็พอมองเห็นลางๆว่าเป็นงอก็โล่งใจและเดินต่อไปเพื่อไปหางอแต่พอเข้าไปใกล้มากขึ้นเห็นชัดมากขึ้นก็ต้องผงะด้วยความตกใจเพราะว่าภาพที่เห็นนั้นงอไม่ได้ยืนอยู่แต่งอแขวนคออยู่กับต้นไม้ในสภาพที่ขาทั้งสองข้างชี้ตรงลอยอยู่สูงจากพื้นเพียงไปกี่คืบเท่านั้นและมีลิ้นจุกปากทำให้เขารู้ทันทีว่างอเสียชีวิตแล้วแน่ๆ จึงได้เรียกชาวบ้านมาช่วยกันเอาศพงอลงมาและเอาไปจัดงานศพตามประเพณีต่อไป

         เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาในหมู่ญาติ โดยไม่มีใครรู้แน่ชัดถึงความอาถรรพ์ ว่าเป็นความอาฆาตของกบเจ้าที่ หรือผีนากันแน่ที่มาเอาชีวิตของงอไป ได้แต่ร่ำลือถึงความน่ากลัวกันไปต่างๆนานา

เรื่องเล่าอาถรรพ์-ประสบการณ์เรื่องผี

ร่วมแชร์กับ Getstorypoint

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *